อาณาจักร ‘่ทิม พิธา’ นางเอกดังเผยโอกาสพัฒนาสัมพันธ์เกินเพื่อน
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนดังในวงการที่ใครหลายคนให้ความสนใจนั่นคือ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปัจจุบันอายุ 43 ปี เกิดเมื่อวันที่
5 กันยายน พ.ศ. 2523 เป็นนักกิจการจและนักกๅรเมืองชาวไทย สมาชิกสภๅผู้แทนรๅ ษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เดิมสังกัดพsรคอนาคตใหม่
ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรsคก้าวไกล ทัง้นี้ทางด้านชีวิตรัก ทิมแต่งงานกับ ต่าย ชุติมา อดีตนางเอกดัง หลังจากนั้นมีทายาทด้วยกัน 1 คน
เป้นบุตรสาวชื่อน้องพิพิม ที่ต่อมาทั้งคู่แยกทางกันและทำหน้าที่โดยแบ่งสิทธิ์ในการดูแลบุตรคนละครึ่ง ทั้งนี้สำหรับด้านความรักหนุ่มทิมเอง
ก็ไม่มีรักใหม่แต่อย่างใด กระทั่งถูกโยงสัมพันธ์นางเอกดังอย่าง แอฟ ทักษอร ที่ใครหลายคนจับตาว่าหนุ่มทิมนั้นจีบสาวแอฟหรือเปล่า
ทางหนุ่มทิมเอง เปิดใจว่า “ไม่จริงครับ เป็นแค่คนรู้จักกัน และเป็นเพื่อนกัน ปรึกษากันเรื่องโรงเรียนของลูก เกี่ยวกับลุกสาวของทั้งสองคน
ตอนนี้ในใจก็มีแต่เรื่องการทำงาน และก็ดูแลลุกสาว เป็นสิ่งที่ผมโฟกัสมากที่สุด ตอนนี้คงไม่มีเวลาให้กับเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่นัก รู้จักกันไม่ถึงกับ
สนิทมาก แต่ก็รู้จักกัน ตอนหลัง ๆ เคยมีพาลุกไปเล่นกันบ้างนิดหน่อย และปรึกษากันเรื่องโรงเรียนต่าง ๆ ที่ถึงวัยที่ลูกจะเข้าเรียน นาน ๆ ทีก็
จะปรึกษาแอฟบ้าง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า เป็นคนรู้จักและก็เป็นเพื่อนกัน ตอนนี้คิดเพียงแต่ว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ยังไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
อนาคตก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต” และล่าสุดทางนางเอกสาวอย่างแอฟเอง ได้เผยสถานะหัวใจ มีหนุ่ม ๆ ต่อคิวขๅยขนมจีบจริงไหม แอฟ ทักษอร
เปิดเผยว่า เรื่องข่าวที่ว่ามีคนเข้ามาจีบ ตอนนี้ไม่มีใครมาจีบ ทุกคนคุยกันปกติ แต่ทิม พิธา จะโดนเยอะ ทั้งที่จริง ๆ ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว
เจอกันครั้งแรกอายุประมาณ 10 กว่าปี ส่วนความสัมพันธ์จะมีโอกาสพัฒนาเป็นมากกว่าเพื่อนหรือไม่ แอฟ ตอบชัด ๆ ว่า “ไม่ ก็เป็นเพื่อนกันค่ะ” ส่วนข่าวที่มีดารารุ่น
น้องมาตามจีบหลายคน แอฟ ยืนยันว่า ไม่มี ส่วนช่วงนี้มีคนเข้ามาจีบบ้างไหมนั้น รู้สึกว่ามีคนกล้าคุยมากขึ้นพอถึงจุด ๆ หนึ่ง แอฟเปิดมากขึ้น อันนี้ไม่ได้เกี่ยว
กับผู้ชาย กับผู้หญิงก็ด้วยเหมือนกัน สมมติแอฟได้ร่วมงานกับหลายช่อง หลายสังคม แอฟก็เปิดกว้างมากขึ้น รู้จักผู้คนมากขึ้น เมื่อก่อนไม่ค่อยคุยกับใครสำหรับทิมเอง ทางด้านกิจการส่วนตัว
เขาเองเคยมีโอกาสเปิดใจว่า เราเสียตังค์วันละ 2 ล. จนเราเหลือตังค์ก้อนสุดท้าย 2 ล.แล้ว พอดีเครื่องจักรก็ทำงาน ทำให้เราได้เห็นน้ำมันสีเขียว กลายเป็นน้ำมันสีทองในที่สุด
พอเครื่องผลิตได้แล้ว ก็ต้องไปหาลุกค้า ตอนนั้นบริษัทเรากุ้ตังค์มา 100 ล.บ.เพื่อการลงทุนระยะยาว เรายังไม่มีทุนหมุนเวียน ผมต้องไปกู้แบงก์ต่อเพิ่มอีก 70 ล.บ. เพื่อซื้อ
รำข้าวจากโรงสี ซึ่งต้องใช้ตังค์เดินเข้าไปแบงก์ ผมรู้อยู่แล้วว่า อย่างไรเขาต้องมองว่าเราเป็นเด้ก จึงต้องหาจุดแข็งของเด้กรุ่นใหม่ แต่โลกทุกวันนี้เป็นโลกของข้อมูล