คฤหาสน์ ‘ตุ๊ก ชนกวนันท์’ เลิกรา ‘บ๊วย’ ร่ำรวยแค่ไหน

เรียกได้ว่าอยู่ในวงการบันเทิงมาเป็นระยะเวลานาน สำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง “ตุ๊ก ชนกวนันท์

รักชีพ” ที่ได้ตัดสินใจเลิกรากับอดีตสามี “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ซึ่งทั้งคู่ได้มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 2 คนได้แก่

“น้องแพรว แพรวพิชา วัชรคุณ” และ “น้องภูมิ พิชญภูมิ วัชรคุณ” เเละเป็นที่ทราบกันดีว่าเธอนั้นผ่านมรสุม

เรื่องราวความรักมาอย่างสาหัส เมื่อฝ่ายชาย บ๊วย เชษฐวุฒิ ได้ขอหย่าตัดขาดความสัมพันธ์แม้ว่าตอนนั้นทางด้าน

สาวตุ๊ก นั้นเพิ่งจะคลอดบุตรคนเล็กได้เพียง 20 วันเท่านั้นเองซึ่งสาวตุ๊ก นั้นได้กล่าวว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอนั้น

เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงว่า “ตนคิดว่าตนเป็นคนที่ทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่เก่งอยู่แล้วตั้งแต่ยังไม่มี

บุตรตนเคยได้ไปออกรายการของพี่ดู๋ในช่วงแรกๆ ก็มีการแซวด้วยภาษาสุภาพแต่สื่อนัยยะว่าเป็นคนที่ไม่ชอบทำการบ้านและมั่นใจ

ว่าเขาหลงและรักตัวเองมากพอ จนกระทั่งคุณแม่ได้ดูรายการก็เตือนว่าอย่าเป็นแบบนี้ นอนเฉยๆ ก็ได้ ซึ่งตอนนั้นก็รำคาญแม่มาก

ย้อนกลับไปอยู่ ๆ ก็มีเสียงเมาท์ลอยมาว่า บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ ไม่ยอมส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้กับ ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ และบุตร ๆ

มาหลายเดือนแล้ว ล่าสุดได้เจอตุ๊กเดินทางมาร่วมงาน “เดวอน แอน ดรู ริช ด็อก พัว ด็อก ซีซั่น 4” ที่สยามเซ็นเตอร์

เลยต้องถามสักหน่อยว่าจริงเท็จแค่ไหน ตุ๊ก เผยว่า “ก่อนหน้านี้จนถึงเดือนที่แล้วก็ยังส่งอยู่ค่ะ เป็นจำนวนเดิมตามที่ตกลง

กันไว้ในสัญญาหย่า แต่เรามีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าเขาไม่ไหวก็อาจจะไม่ได้ส่งค่าเลี้ยงดูบุตร คือมันเริ่มมาจากเรื่อง

บ้านตอนแรกพี่บ๊วยจะขาย แต่ตุ๊กขอนำมารับผิดชอบผ่อนหนี้ที่เหลือเองถ้าเขาลำบาก คือเราจะไม่ขายบ้านแล้ว เราขอเก็บ

เอาไว้ให้บุตร ส่วนภาระที่เราต้องแบก ณ วันนี้เราคงต้องไหวค่ะ อาจจะต้องทำงานมากขึ้น ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากัน ก่อนหน้า

นี้ที่เราหย่า สินสมรสก็ถูกแบ่งไป และตอนนี้มันไม่เหลืออะไรให้บุตรตุ๊กคิดว่าบ้านหลังนี้ตุ๊กยังพอทำได้ ภาระที่ติดกับธนาคารก็

เหลืออยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เราเองก็ต้องเห็นใจเขาเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เกิดปัญหา เขาเองก็งานน้อยล ตุ๊กคิดว่าเขาน่าจะพยายามดูแลบุตรให้ดีที่สุด เขาก็น่าจะลำบากจริง ๆ คือเราเองครึ่งหนึ่งหน้าที่แม่ยังไงต้องดูแลบุตรอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ของเราไปค่ะ จริง ๆ เรื่องค่าเลี้ยงดูเป็นกรอบที่สังคมตั้งขึ้นมา เราก็ต้องมาดูว่าเขาไหวมั้ย ถ้าเขาไม่ไหว ก็ถือว่าช่วยเหลือกันไป เขาก็คงดูแลบุตรในแง่ของการให้ความรัก ให้เวลาค่ะ”